รัชกาลที่ 1
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ครองราชย์ พ.ศ. 2325 - 2352 (27 ปี)
ข้อมูลพื้นฐาน
พระนาม: สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระราชสมภพ: 20 มีนาคม พ.ศ. 2279
ขึ้นครองราชย์: 6 เมษายน พ.ศ. 2325
สวรรคต: 7 กันยายน พ.ศ. 2352
ข้อมูลสำคัญ
ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่สถาปนาพระบรมราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ซึ่งปกครองประเทศไทยสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
การสถาปนากรุงเทพฯ
กรุงเทพมหานคร ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงของประเทศ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ด้วยทรงมีพระราชดำริว่า กรุงธนบุรี เมืองหลวงเดิม ตั้งอยู่ในที่คับแคบ ไม่ต้องด้วยหลักพิชัยสงคราม ทั้งนี้ ได้ทรงโปรดเกล้าให้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ กรมเวียง ครั้นล่วงมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ทดลองนำเอาระบบคณะกรรมการมาใช้กับรูปแบบการปกครองเมืองหลวงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ประชาชนยังไม่มีความพร้อมและไม่ประสบผลสำเร็จ จึงได้โปรดเกล้าให้ยกเลิก และก็ได้เปลี่ยนฐานะกรมเวียงมาเป็นกระทรวงเมือง และต่อมาก็เปลี่ยนจากกระทรวงเมืองมาเป็นกระทรวงนครบาลตามลำดับ
การฟื้นฟูวัฒนธรรมและพระพุทธศาสนา
ทรงจัดสังคายนาพระไตรปิฎก ฟื้นฟูวรรณกรรม และสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือ รัชกาลที่ 1 พระนามเดิมของพระองค์คือ “ทองด้วง” หรือ “ด้วง” ประสูติ ณ กรุงศรีอยุธยา ในราวปี พ.ศ. 2279 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระราชบิดาคือพระอักษรสุนทร (ทองดี) ข้าราชการกรมอาลักษณ์ ส่วนพระราชมารดาคือท่านหยก (ดาวเรือง) ธิดาคนโตของคหบดีชาวจีนฮกเกี้ยน พระองค์เริ่มรับราชการในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรี ได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชวรินทร์ และได้รับการเลื่อนพระบรมราชอิสริยยศมาเรื่อย ๆ เนื่องจากได้รับความดีความชอบจากบทบาทที่ได้รับ จนมาเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามกบฏและศึกสงครามต่าง ๆ ภายหลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงธนบุรีช่วงปลาย พ.ศ. 2324 พระองค์ได้ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี และเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
ก่อนขึ้นครองราชย์
พระองค์เริ่มรับราชการในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรี โดยได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชวรินทร์ และได้รับการเลื่อนพระบรมราชอิสริยยศมาเรื่อยๆ เนื่องจากได้รับความไว้วางพระราชหทัยและแสดงความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ พระองค์มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามกบฏและศึกสงครามต่างๆ ทำให้ได้รับความเคารพนับถือจากทั้งกองทัพและขุนนาง
การขึ้นครองราชย์
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2324 เกิดความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงธนบุรี ภายหลังการสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย อำนาจรัฐและการปกครองตกอยู่ในสภาพไร้ศูนย์กลาง ขุนนางและแม่ทัพนายกองต่างมีความเห็นร่วมกันว่า จำเป็นต้องมีผู้นำที่มีบุญบารมีและความสามารถในการรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จึงได้รับการอัญเชิญจากเหล่าขุนนางและแม่ทัพให้ขึ้นครองราชสมบัติ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจึงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี ทรงพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช"
พระราชกรณียกิจสำคัญ
หลังจากขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงมีพระราชกรณียกิจในการฟื้นฟูราชอาณาจักรอย่างรอบด้าน ทั้งด้านการเมือง การปกครอง การศาสนา วัฒนธรรม และความมั่นคงของชาติ ภายใต้สภาพแวดล้อมของประเทศที่เพิ่งผ่านสงครามและความไม่สงบมาเป็นเวลานาน ดังนี้
- การฟื้นฟูการปกครองและกฎหมาย:
• ทรงฟื้นฟูระบบราชการแผ่นดินตามแบบแผนจตุสดมภ์ ได้แก่ เวียง (ฝ่ายความมั่นคง), วัง (ราชสำนัก), คลัง (เศรษฐกิจ/การเงิน) และ นา (การเกษตร)
• จัดระบบการบริหารงานโดยแต่งตั้งขุนนางให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจน
• โปรดให้มีการ ชำระกฎหมายเก่าและตรากฎหมายใหม่ เพื่อความเป็นระเบียบแบบแผน ก่อให้เกิด “กฎหมายตราสามดวง” ซึ่งใช้เป็นหลักในการปกครองราชอาณาจักรในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น - การทหารและการป้องกันราชอาณาจักร:
• ทรงเป็นผู้นำในการป้องกันแผ่นดินจากศัตรู โดยเฉพาะการรุกรานของพม่า
• สงครามสำคัญ เช่น สงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2328) ซึ่งทรงบัญชาการร่วมกับพระอนุชา (เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร – รัชกาลที่ 2 ในภายหลัง)
• ปรับปรุงระบบกองทัพ จัดระเบียบกำลังพลให้เป็นระบบ มีประสิทธิภาพในการรบ - การฟื้นฟูพระพุทธศาสนา:
• โปรดให้จัดการสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นใหม่ เนื่องจากคัมภีร์บางส่วนได้ถูกทำลายไปจากสงครามตั้งแต่การล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา
• จัดทำ พระไตรปิฎกฉบับหลวง เพื่อใช้เป็นมาตรฐานของพระพุทธศาสนา
• จัดระเบียบคณะสงฆ์ แบ่งนิกาย และควบคุมพระภิกษุให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
• ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมในวัดหลวง - การบูรณะและสร้างวัดวาอาราม:
• โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดสำคัญที่ทรุดโทรมจากสงคราม เช่น วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดสระเกศ
• ทรงสร้างวัดใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งเป็นศูนย์กลางพระราชศรัทธา, วัดสุทัศนเทพวราราม
• อัญเชิญ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) จากกรุงธนบุรีมาประดิษฐาน ณ วัดพระแก้ว เพื่อเป็นสิริมงคลแก่พระนคร - การฟื้นฟูวรรณกรรมและศิลปวัฒนธรรม:
• โปรดให้ ชุบชีวิตงานวรรณกรรมและนาฏศิลป์ ที่สูญหายหรือเสื่อมโทรม ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในการรื้อฟื้นบทละครหลวง เช่น รามเกียรติ์, อิเหนา, ดาหลัง
• ส่งเสริม วรรณคดีแบบร้อยกรองและบทละคร ซึ่งกลายเป็นรากฐานวรรณกรรมไทยสมัยใหม่
• สนับสนุนงานศิลป์ด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และงานสถาปัตยกรรมในพระบรมมหาราชวังและวัดหลวง