รัชกาลที่ 2
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ครองราชย์ พ.ศ. 2352 - 2367 (15 ปี)
ข้อมูลพื้นฐาน
พระนาม: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระราชสมภพ: 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310
ขึ้นครองราชย์: 7 กันยายน พ.ศ. 2352
สวรรคต:21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367
ข้อมูลสำคัญ
พระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี
ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงขึ้นครองราชย์สืบทอดจากพระราชบิดา
ผู้ร่วมสงครามตั้งแต่เยาว์วัย
ทรงติดตามพระราชบิดาไปสงครามหลายครั้งตั้งแต่พระชนมายุเพียง 8 พรรษา มีประสบการณ์ทางการทหารมาตั้งแต่เด็ก
พระภิกษุองค์แรกในวัดพระแก้ว
ทรงเป็นพระองค์แรกที่อุปสมบทในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เมื่อปี พ.ศ. 2331
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงประสูติเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 7 คํ่า เดือน 3 ปีกุน มีพระนามเดิมว่า "ฉิม" พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติ ณ บ้านอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรี พระบิดาได้ให้เข้าศึกษากับสมเด็จพระวันรัต ( ทองอยู่ ) ณ วัดบางหว้าใหญ่ พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ 1. กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระอัครมเหสี 2. กรมสมเด็จพระศรีสุราลัย พระสนมเอก ขณะขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2352 มีพระชนมายุได้ 42 พรรษา
ก่อนขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2317 (พระชนมายุ 8 พรรษา) - ได้ติดตามไปสงครามเชียงใหม่ อยู่ในเหตุการณ์ครั้งที่พระบิดามีราชการไปปราบปรามเมืองนางรอง นครจำปาศักดิ์ และบางแก้ว ราชบุรี
พ.ศ. 2322 (พระชนมายุ 11 พรรษา) - พระราชบิดาไปราชการสงครามกรุงศรีสัตนาคนหุต ได้ติดตามไป
พ.ศ. 2323 (พระชนมายุ 13 พรรษา) - ได้เข้าเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่)
พ.ศ. 2324 - พระราชบิดาได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ พระองค์ได้ไปร่วมปราบปรามเขมรกับพระบิดา
พ.ศ. 2325 - พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นครองราชย์ ได้ทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็น "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร"
พ.ศ. 2329 (พระชนมายุ 19 พรรษา) - ได้เสด็จตามสมเด็จพระบรมชนกนาถไปสงครามตำบลลาดหญ้า และทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ
พ.ศ. 2330 - ได้เสด็จตามพระบรมชนกนาถไปสงครามที่ตำบลท่าดินแดง และตีเมืองทวาย
พ.ศ. 2331 - ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นพระองค์แรกที่อุปสมบทในวัดนี้ เสด็จไปจำพรรษา ณ วัดสมอราย (ปัจจุบันคือวัดราชาธิราช) เมื่อครบสามเดือน ทรงลาผนวช และทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าหญิงบุญรอด พระธิดาในพระพี่นางเธอ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรมพระศรีสุดารักษ์
พ.ศ. 2336 - เสด็จตามพระราชบิดาไปตีเมืองทวายครั้งที่ 2
การสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช
พ.ศ. 2349 (วันอาทิตย์ เดือน 8 ขึ้น 7 ค่ำ ปีขาล) เมื่อทรงพระชนมายุได้ 40 พรรษา ได้รับสถาปนาเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ซึ่งดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช แทนกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ที่ได้สวรรคตแล้วเมื่อ พ.ศ. 2346
การขึ้นครองราชย์
พ.ศ. 2352 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์สืบทอดเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ในขณะที่ทรงพระชนมายุ 42 พรรษา
พระราชกรณียกิจสำคัญ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในการสืบทอดและรักษาความมั่นคงของราชอาณาจักร ตลอดจนการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและพระพุทธศาสนา
- ด้านการปกครอง:
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านการปกครองโดยยังคงรูปแบบการปกครองแบบเดิม แต่มีการตั้งเจ้านายที่เป็นเชื้อพระวงศ์เข้าดูแลบริหารงานราชการตามหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมพระคลัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นผู้กำกับดูแล เป็นต้น ส่วนด้านการออกและปรับปรุงกฎหมายในการปกครองประเทศที่เอื้อประโยชน์แก่ประชาชนมากขึ้น ได้แก่ พระราชกำหนดสักเลก โดยพระองค์โปรดให้ดำเนินการสักเลกหมู่ใหม่ เปลี่ยนเป็นปีละ 3 เดือน ทำให้ไพร่สามารถประกอบอาชีพได้ นอกจากนี้ยังมีการออกกฎหมายว่าด้วยสัญญาที่ดินรวมถึงพินัยกรรมว่าต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร และกฎหมายที่สำคัญที่พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้กำหนดขึ้น คือ กฎหมายห้ามซื้อขายสูบฝิ่น - ด้านเศรษฐกิจ:
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือการรวบรวมรายได้จาการค้ากับต่างประเทศ ซึ่งในสมัยนี้ได้มีการเรียกเก็บภาษีอากรแบบใหม่คือ การเดินสวนและการเดินนา การเดินสวนเป็นการแต่งตั้งเจ้าพนักงานไปสำรวจพื้นที่เพาะปลูกของราษฎร เพื่อคิดอัตราเสียภาษีอากรที่ถูกต้อง ทำให้เกิดความยุติธรรมแก่เจ้าของสวน ส่วนการเดินนาคล้ายกับการเดินสวน แต่ให้เก็บหางข้าวแทนแทนการเก็บภาษีอากร - ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ:
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศทั้งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ญวน เขมร มลายู จีน และประเทศในทวีปยุโป เช่น โปรตุเกส อังกฤษ โดยมีความสัมพัน์ในทางการเมืองและการค้า - ด้านสังคมและวัฒนธรรม:
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนามาก ในรัชสมัยของพระองค์มีการส่งคณะสงฆ์ไปยังศรีลังกา และพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ได้แก่ วัดแจ้ง และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดประจำรัชกาล และโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดอีก คือ วัดท้ายตลาด และพระราชทานนามใหม่ว่า วัดพุทไธสวรรค์ รวมทั้งทรงจำหลักบานประตูพระวิหารศรีศาสกยมุนีที่วัดสุทัศน์ฯ อีกทั้งยังทรงปฏิสังขรณ์วัดหงส์รัตนาราม วัดหนัง วัดบวรมงคล วัดราชาธิวาส วัดราชบูรณะ และวัดโมลีโลกยาราม นอกจากนี้พระองค์ยังทรงปั้นหุ่นพระพักตร์พระพุทธธรณิศราชโลกนาถดิลก พระประธานในวัดอรุณฯ และทรงปั้นหุ่นพระพักตร์พระปฏิมา พระประธานในวัดราชสิทธาราม นอกจากนี้พระองค์ยังทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการแก้ไขปรับปรุงการสอนพระปริยัติธรรม และโปรดเกล้าฯ ให้มีการแปลบทสวดมนต์จากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย รวมถึงซ่อมแซมพระไตรปิฎกฉบับที่ขาดหายไป นอกจากนี้แล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้มีการรื้อฟื้นพระราชต่างๆ ได้แก่ พระราชพิธีวิสาขบูชา ที่เคยทำในสมัยสุโขทัยให้กลับมามีความสำคัญอีก พระราชพิธีลงสรงและพระราชพิธีอาพาธพินาศ เมื่อเกิดอหิวาตกโลกระบาด - ด้านศิลปกรรมวรรณคดี:
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสนพระทัยและทรงทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติทุกแขนง ได้แก่ ด้านการช่าง งานปั้นพระประธาน งานแกะสลับานประตู การสร้างสวนขวาในพระบรมมหาราชวัง ด้านการละคร ทรงฟื้นฟูการละคร โดยทรงให้มีการซ้อมท่ารำแบบแผนประกอบการแต่งบทพระราชนิพนธ์ การละครมีมาตรฐานในการรำ เพลง และบท เป็นแบบอย่างของละครสืบมา ด้านดนตรี ทรงมีความชำนาญในเครื่อดนตรี คือ ซอสามสาย และได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลง บุหลันลอยเลื่อน หรือบุหลันลอยฟ้า ซึ่งเป็นเพลงที่มีความไพเราะมาก นอกจากนี้ทรงริเริ่มให้มีการขับเสภาประกอบปี่พาทย์ ด้านวรรณคดี ทรงเป็นกวีที่มีพระปรีชาสามารถและทรงสนับสนุนกวี ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง นับว่าสมัยของพระองค์นี้เป็นยุคทองแห่งวรรณคดี
พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถด้านวรรณคดีอย่างยิ่ง ทรงพระราชนิพนธ์คำประพันธ์หลากหลายรูปแบบ ทั้งกลอนบทละคร กาพย์ และกลอนสุภาพ จนถือได้ว่าสมัยของพระองค์เป็นยุคทองแห่งวรรณคดีไทย
คำประพันธ์ที่เป็นกลอนบทละคร
บทละครเรื่องอิเหนา
บทละครเรื่องรามเกียรติ์
ทรงพระราชนิพนธ์ตอนหนุมานถวายแหวนถึงตอนทศกัณฐ์ล้ม และตอนบุตรลบ
บทละครนอกเรื่องไกรทอง
ตั้งแต่ไกรทองอยู่ในถ้ำชาละวันจนกลับตามนางวิมาลาลงไปในถ้ำ
บทละครนอกเรื่องคาวี
ตั้งแต่ท้าวสันนุราชได้ผอบผมถึงคาวีฆ่าไวยทัต
บทละครนอกเรื่องไชยเชษฐ์
ตั้งแต่ไชยเชษฐ์กลับมาจากไปตามช้านถึงพระไชยเชษฐ์กับนางสุวิญชาคืนดีกัน
บทละครนอกเรื่องมณีพิชัย
ตั้งแต่งูขบนางจันทรถึงพระมณีพิชัยออกไปอยู่กับพราหมณ์ที่ศาลาในป่า
บทละครนอกเรื่องสังข์ทอง
ตั้งแต่กำเนิดพระสังข์ถึงท้าวยศวิมลกับพระสังข์กลับจากเมืองสามนต์
บทละครนอกเรื่องสังข์ศิลป์ชัย
ตั้งแต่พระสังข์ศิลป์ชัยตกเหวถึงท้าวเสนากุฎเข้าเมือง
หมายเหตุ: บทละครเรื่องอุณรุทนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงนำมาดัดแปลงแก้ไขเพื่อหัดหุ่นละครเล็ก
คำประพันธ์ที่เป็นกาพย์
บทพากย์รามเกียรติ์
ทรงพระราชนิพนธ์ 5 ตอน ได้แก่ นางลอย นาคบาศ พรหมาสตร์ เอราวัณ และบทพากย์เบ็ดเตล็ดชมรถและม้า
รามเกียรติ์ตอนพระพิราพ
กาพย์เห่เรือ
คำประพันธ์ที่เป็นกลอนสุภาพ
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน
พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์ 4 ตอน ได้แก่:
พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม
นางวันทองหึงนางลาวทอง
ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้างได้นางแก้วกิริยา
ขุนแผนพานางวันทองหนี
อ้างอิง
- https://www.gotoknow.org
- https://th.wikipedia.org
- https://www.silpa-mag.com
- สิริวรรณ วงษ์ทัต.(มปป.) พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย.ชลบุรี : มหาวิทยาลัยบูรพา.