รัชกาลที่ 9

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ครองราชย์ พ.ศ. 2489 - 2559 (70 ปี)

รัชกาลที่ 9

ข้อมูลพื้นฐาน

พระนาม: พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พระราชสมภพ: 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470

ขึ้นครองราชย์: 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489

สวรรคต: 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข้อมูลสำคัญ

พระราชประวัติ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เป็นพระโอรสในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระวรวงศ์เธอ กรมหลวงสงขลานครินทร์ ทรงเป็นพระอนุชาของรัชกาลที่ 8 ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 4 พระองค์

การศึกษา

รัชกาลที่ 9 ทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาทรงศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ก่อนเปลี่ยนมาศึกษานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ พระองค์ทรงสนใจดนตรี การถ่ายภาพ วิศวกรรม และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชน

การขึ้นครองราชย์

พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 หลังการสวรรคตของรัชกาลที่ 8 และประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 พระองค์ทรงตั้งพระราชปณิธานว่าจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

พระราชกรณียกิจสำคัญ

ตลอดระยะเวลาครองราชย์กว่า 70 ปี พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อพัฒนาประเทศในทุกด้าน ทรงริเริ่มโครงการหลวงกว่า 4,000 โครงการ เช่น โครงการฝนหลวงช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง โครงการแกล้งดินเพื่อฟื้นฟูดินเปรี้ยว และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ทรงส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงทางชีวิตและเศรษฐกิจ พระองค์เสด็จเยี่ยมประชาชนทั่วประเทศด้วยพระองค์เอง เพื่อรับฟังปัญหาและหาทางแก้ไขอย่างเหมาะสม

พระราชปณิธานและแนวคิดสำคัญ

พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะครองแผ่นดินโดยธรรม และทรงเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากคน ทรงเน้นการทำงานด้วยความเพียร ความเข้าใจ และใช้ความรู้แก้ไขปัญหาด้วยเหตุผล พระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงได้กลายเป็นแนวทางการพัฒนาที่ทั่วโลกยอมรับ

รางวัลและเกียรติคุณ

องค์การสหประชาชาติได้ยกย่องให้รัชกาลที่ 9 เป็น “กษัตริย์นักพัฒนา” และได้มอบรางวัลพิเศษด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน พระองค์เป็นแบบอย่างของผู้นำที่ทำงานเพื่อประชาชนด้วยความเสียสละและความมุ่งมั่น

การสวรรคต

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช สวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สิริพระชนมพรรษา 88 ปี การสวรรคตของพระองค์สร้างความโศกเศร้าแก่ปวงชนชาวไทยอย่างลึกซึ้ง พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ได้รับความรักและเคารพสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย

พระราชประวัติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงสมภพเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ เมืองเคมบริจดจ์มลรัฐเมสสาชูเสท ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระราชโอรสาธิราช องค์ที่ 3 ในสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ( สมเด็จพระศรีนครินทรทรา บรมราชชนนี ) พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์เล็ก ทรงมีพระเชษฐาธิราชว่า " พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล " พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ รัชกาลที่ 8 และมีพระพี่นาง พระนามว่า " สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา " พระองค์ได้เสด็จกลับเถลิงถวัลยราชสมบัติต่อจากพระบรมเชษฐาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ขณะมีพระชันษา 19 ปี ก่อนครองราชย์ได้ทรงศึกษาวิชาวิศวกรรมศาสตร์และได้เสด็จกลับไปศึกษาวิชานิติศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ต่ออีกภายหลังที่ได้ครองราชย์แล้ว ทรงสนพระทัยในอักษรศาสตร์ และการดนตรีทรงรอบรู้ภาษาต่างประเทศหลายภาษาและตรัสได้อย่างคล่องแคล่ว จนเป็นที่ประจักษ์แก่คณะทูตานุทูตและประชาชนชาวเมืองนั้นๆ เป็นอย่างดี ต่างพากันชมว่า พระองค์ทรงมีความรู้ทันสมัยที่สุดพระองค์หนึ่ง สําหรับดนตรีนั้นทรงประพันธ์เนื้อร้องและทํานองเพลงแด่คณะวงดนตรีต่างๆ มีเพลงพระราชนิพนธ์ที่คนไทยรู้จักเช่น เพลงสายฝน เพลงประจํามหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เพลงประจํามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระองค์เคยเข้าร่วมวงดนตรีกับชาวต่างประเทศมาแล้ว โดยไม่ถือพระองค์

พระราชกรณียกิจสำคัญ

องค์ประกอบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9

อ้างอิง

แบบทดสอบหลังเรียน

📝 เริ่มทำแบบทดสอบ